ว่ากันแล้วใครๆก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องราวอุบัติเหตุขึ้นหรอกนะ แม้ว่าเราจะมีประกันชั้นหนึ่งอยู่กับรถแล้วก็ตาม รถเราเราก็รัก ไม่อยากให้มีรอยช้ำ ร้อยทำสีกันอย่างแน่นอน

แต่ที่จะแย่ไปกว่านั้นจะเกิดอะไรเมื่อคู่กรณีที่เป็นฝ่ายผิดนั้น ไม่ยอมรับผิดชอบและไม่ยอมที่จะจ่ายค่าเสียหายใดๆ
ซึ่งแรกเลยจะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมากหากคุณทำประกันชั้น 1
แน่นอนว่าหากรถของคุณทำประกันชั้น 1 ไว้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุต่างๆ คุณไม่ได้ต้องกังวลใจใด เพราะบริษัทประกันจะดำเนินการซ่อม ดำเนินการชดใช้ให้เอง ส่วนเรื่องของคู่กรณีนั้น เดี๋ยวบริษัทประกันจะเป็นผู้ดำเนินการต่างๆให้เอง โดยเราไม่ต้องไปวุ่นวาย ณ จุดนี้

ขอขอบคุณภาพจาก : https://www.easyinsure.co.th เว็บเกี่ยวกับประกันภัยอันนี้ น่าในใจ ลองแวะเข้าไปดูนะ


ลองมาดูเคสตัวอย่าง :
เมื่อสามวันก่อน เกิดอุบัติเหตุมาครับ จากความมักง่ายของคน ขี่มอไซค์ย้อนศรมาชนผมอย่างแรง จนบาดเจ็บและเกิดความเสียหาย ตามกระทู้นี้ครับ
http://pantip.com/topic/34432398 ตอนนี้ทางตำรวจให้ผมไปรักษาตัวตามที่หมอนัดก่อน แล้วค่อยมาเจรจาเรียกค่าเสียหายกัน คู่กรณีเป็นคนทำงานก่อสร้าง ซึ่งดูแล้วน่าเป็นห่วงว่าจะมีเงินมาจ่ายค่าเสียหายให้กับผมรึเปล่า เพราะทั้งจักรยานและค่ารักษา ค่าเสียหายเป็นแสนบาทแน่นอน จากเคสนี้ ถ้าฝ่ายผิด ประกันอะไรก็ไม่มี พรบ.ของรถมอไซค์ก็ไม่มี ไม่มีเงินจ่ายค่าเสียหายให้กับผม จะมีบทลงโทษอะไรได้บ้างครับ ส่วนเรื่องผ่อนจ่าย ก็เกรงว่า จะผ่อนได้ประเดี๋ยวประด๋าว แล้วก็หยุดผ่อนซะมากกว่า เรื่องเงินสำหรับผมนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่ใจจริงอยากจะลงโทษมคนพวกนี้มากกว่า เพื่อให้เกิดความหลาบจำ
จะได้ไปสอน ไปบอกเพื่อนฝูงญาติพี่น้องของมันว่าจะทำอะไร ที่มักง่ายแบบนี้แล้วจะมีผลเช่นไร

คำแนะนำ/จากหลายท่านใน pantip กระทู้ https://pantip.com/topic/34437824
1. บริษัทกลางต้องจ่ายค่ารักษาให้คุณก่อนครับ (วงเงินค่ารักษา 30000 บาท) เสร็จแล้วบริษัทกลางจะไปเรียกเก็บกับคนขับรถมอเตอร์ไซด์อีกที พร้อมเบี้ยปรับอีก 20% ของวงเงิน ถ้าเกินจาก 30000 บาทคุณก็ค่อยใช้สิทธิ์การรักษาเดิมของคุณไป ส่วนค่าจักรยานอันนั้นฟ้องกันเอาเองครับ ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น แล้วเดี๋ยวศาลท่านจะเป็นคนกำหนดว่าจะจ่ายอย่างไร ถ้าไม่จ่ายก็ฟ้องร้องยึดทรัพย์กันไปตามขั้นตอน
2. มันอยู่ที่ว่าคุณจะสงสารเขาไม๊เท่านั้นแหละ เพราะบางทีคนที่เดือดร้อนจากการชดใช้ไม่ได้มีแค่คนคนเดียว แต่ไม่ได้ตัดสินอะไรนะครับ เข้าใจอยู่ แต่เงินเป็นแสนสำหรับคนบางคนนี่ ถึงขั้นอดตาย ที่บ้านเคยเจอเข้ากับตัวครับ แต่เคสผมทำเขาไม่ลง สงสารลูกเขา สุดท้ายก็ต้องทำใจลืมเพราะต่อให้ขายของหมดบ้านเขาก็ใช้หนี้ให้ได้ไม่หมด
3. เห็นใจ จขกท. และ ผู้ที่สูญเสียและบาดเจ็บ จากกรณีแบบนี้ทุกท่านครับ
ผมก็เคยประสพมาก่อน
มันน่าเจ็บใจจริงๆ แต่ทำอะไรตามใจคิดไม่ได้
ทุกอย่าง ต้องเข้าสู่กระบวนการของกฎหมาย
ซึ่ง อืดอาด ยืดยาด ยุ่งยาก มากครับ
คดีอาญา เป็นเรื่องของเจ้าพนักงานของรัฐ
เราไปทำแทนไม่ได้ แล้วแต่บุญวาสนา
แต่คดีแพ่ง เราต้องลงมือเอง
โคตะระเหนื่อย เสียเวลา และค่าใช้จ่าย มาก มาก
ยิ่งถ้าจ้างทนาย ยิ่งไปกันใหญ่ ต้องออกเงินจ้างอีก

** และอีกคอมเม้นท์นึงที่น่าสนใจ
คดีรถชนกันมันแบ่งเป็นสี่ระดับ
1.ขับรถประมาทชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย โทษปรับ 400-1,000 บาท ถ้าเมาด้วย เพิ่มเป็น จำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 5,000-20,000 บาท
2.ขับรถประมาทชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ โทษ จำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท ถ้าเมาด้วย คุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท
3.ขับรถประมาทชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส โทษ จำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6,000 บาท ถ้าเมาด้วยคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท
4.ขับรถประมาทชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย และมีผู้ถึงแก่ความตายโทษ จำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ถ้าเมาด้วยคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท
ไม่มีใบขับขี่ปรับไม่เกิน 2,000 บาท ไม่มี ประกันภัยตาม พ.ร.บ. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท เอามาให้พิจารณาดูครับ แต่เท่าที่ผ่านมาคนติดคุกเพราะเหตุรถชนกันมีน้อยมากครับ ศาลท่านมองว่าเป็นเรื่องประมาท ไม่ได้เจตนา เว้นแต่พวกเมาแล้วขับ
แต่จะได้อะไรกลับมา ยังไม่รู้
เรียกได้ว่า ไม่คุ้ม ด้วยประการทั้งปวงครับ
จนที่สุด ต้องยอมแพ้ครับ
ขึ้นโรงขึ้นศาล อยู่5 - 6 ปี ด้วยความเหน็ดเหนื่อย โดยไม่ได้อะไรเลย
ยอมอโหสิกรรมดีกว่า
คิดซะว่าชาติที่แล้ว ทำเขาไว้ ชาตินี้มาชดใช้

 

วิดีโอเกี่ยวกับประกันภัย | Insurance Videos

Go to top